วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แรงงานก่อสร้างวิกฤติอัดฉีดโบนัส-จ้างประจำเพิ่ม



ภาคอสังหาฯ วิกฤตแรงงานขาดแคลนกว่า 4 แสนคน คนงานไหลกลับถิ่นฐานเดิม รับค่าแรงอัตราเดียว 300 บาท
หวั่นเจอปัญหาขายได้ สร้างไม่เสร็จ ผู้ประกอบรายใหญ่-กลาง-เล็ก แห่พึ่งระบบสำเร็จรูปเต็มรูปแบบ พร้อมอัดฉีด
เงื่อนไขพิเศษมัดใจผู้รับเหมา บิ๊กแบรนด์ "ล็อกผู้รับเหมา-สัญญาล่วงหน้า" ขณะที่  "เอพี" เล็งจ้างแรงงานประจำ
200-300 คน

แรงงานก่อสร้าง "ขาดแคลน" ยังเป็น ปัญหาใหญ่เข้าขั้นวิกฤติ สำหรับภาคอสังหา- ริมทรัพย์ เพราะแรงงาน
ในภาพรวมมีไม่พอต่อการขยายงาน เริ่มทวีความรุนแรงตั้งแต่ ปี 2555 จากหลายปัจจัยเข้ามาพร้อมกัน  ไม่ว่าจะ
เป็น ปัญหาแรงงานต่างด้าวเริ่มทยอยกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม โดยเฉพาะแรงงานพม่าที่กลับประเทศ หลังรัฐบาลมี
นโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเกิดขึ้นของโครงการทวาย

ประกอบกับผู้ประกอบการโหมขยายลงทุนโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีผ่านมา รวมทั้งการ
ลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ปีนี้ อาทิ ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งต้องใช้
แรงงานจำนวนมาก และปัจจัยสุดท้าย การปรับค่าแรงอัตราเดียว 300 บาททั่วประเทศ ทำให้ปัญหาขาดแคลน
แรงงานใน "กรุงเทพฯ" ทวีความรุนแรงขึ้นอีก จากปัญหาแรงงาน "คืนถิ่น"

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหาขาดแคลน แรงงานขั้นวิกฤติ เนื่องจากเป็นการขาดแคลนเชิง
โครงสร้าง ประเมินขาดแคลนแรงงานภาคก่อสร้าง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีไม่ต่ำกว่า4-5 แสนคน จาก
ปัจจุบันมีแรงงานไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือขาดหนัก เพราะแรงงานทั่วไปสามารถหาจ้างได้ง่าย
หรือนำเข้าแรงงานต่างด้าวมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ปัจจุบันจากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน พบว่า ในภาคการก่อสร้าง
มีการใช้แรงงานต่างชาติมากกว่า 2 แสนคน

ปัจจัยทำให้เกิดขาดแคลนแรงงานเชิงโครงสร้างเพราะปริมาณแรงงานที่เข้าสู่ระบบมีจำนวนน้อยลง ระบบ
การศึกษาได้พัฒนาจนเข้าถึงกลุ่มประชาชนมากขึ้น และก้าวสู่ระบบ

จ้างงานในองค์กรหรือธุรกิจต่างๆ เพิ่ม โดยเฉพาะ ในโรงงานอุตสาหกรรม ภาคบริการ โครงสร้าง เป็น
สังคมที่เป็นเมืองมากขึ้น ทำให้แรงงานส่วนใหญ่ไม่ทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อปรับค่าแรงแรงงานก็กลับถิ่นเดิม

"ปัญหาแรงงานต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต หาดใหญ่ ปัญหารุนแรงไม่แพ้กัน

หรือแม้แต่อีสานเองยังนำเข้าแรงงานจากกัมพูชาและลาว รวมถึงเวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นปัญหา ที่รัฐควร
ให้ความสำคัญ" นายอิสระกล่าว

อย่างไรก็ดี พบว่าปัจจุบันบริษัทอสังหาฯ ได้ปรับตัว โดยนำระบบก่อสร้างแบบสำเร็จรูปหรือ พรีแฟบ
(Prefab) มาใช้มากขึ้นในทุกบริษัท คาดว่าบ้านเปิดขายใหม่ในตลาดจะเป็น พรีแฟบกว่า 50%ปีนี้เชื่อว่าจะมีการนำ
พรีแฟบไปใช้กับบ้านราคา 3-4 ล้านบาทมากขึ้น :กทม.-ปริมณฑลวิกฤติสุด

ด้านนายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สมาคมฯ ได้สำรวจผลกระทบ และ
พื้นที่ที่เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในปีที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ใน กทม.และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง เข้า
ขั้นวิกฤต ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น  ภาคใต้มีความรุนแรงแต่น้อยกว่า กทม.และปริมณฑล ส่วนภาคอีสานการ
ขาดแคลนแรงงานเป็นไปตามฤดูกาล ขณะที่ภาคเหนือได้รับผลกระทบน้อยสุด เพราะมีแรงงานต่างด้าวไหลเข้า
และออกอยู่ตลอดเวลา

"รัฐต้องแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานจริงจัง ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องในไทยจำนวน
1.4 ล้านราย ขณะที่การสำรวจพบว่า มีแรงงานลักลอบเข้าเมือง ผิดกฎหมายในระบบมีสูงถึง 1.6 ล้านราย หรือ
มากกว่านั้น ภาครัฐควรเปิดเสรีขึ้นทะเบียน จ้างแรงงานต่างด้าวได้โดยอิสระ แทนการจำกัดการเปิดให้ขึ้นทะเบียน
แรงงานในแต่ละปีจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ได้อย่างมาก" :บิ๊กแบรนด์ล็อกผู้รับเหมา

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ
คอนโดมิเนียม บริษัท  แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแชมป์ในการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในปีที่
แล้ว ทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 46 โครงการ กล่าวว่า การบริหารงานก่อสร้างของกลุ่ม แสนสิริ ในส่วนของ
คอนโดมิเนียม ปีนี้จะเปิด 24 โครงการ บริษัทใช้วิธีเป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมารายใหญ่ 5 ราย อาทิ วิศวภัทร์ สี่พระ
ยาก่อสร้าง ฤทธา อาร์ทีเอช  คอนสตรัคชั่นไลนส์ เป็นต้น

นอกจากนี้ กลยุทธ์บริหารจัดการคือ จ่ายเงินตรงเวลา รวมทั้งสนับสนุนงบก่อสร้าง เพื่อให้โครงการแล้ว
เสร็จตามเวลา ทั้งล็อกวัสดุก่อสร้าง หรือการจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาก่อน ทำให้ผู้รับเหมา
สามารถควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างได้

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า จากที่พฤกษาฯ มียอดรอโอนปีนี้ 2.47 หมื่นล้านบาท คิดเป็นจำนวนยูนิตกว่า 1 หมื่นยูนิต แผน
บริหารไซต์ก่อสร้างมี 2 ส่วน 1.นำระบบ REM (Real Estate Manufacturing)  มาใช้ก่อสร้างบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์
ทุกไซต์ 100% กระบวนการจะเป็นโมเดลเดียวกับ ไลน์ผลิตของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์  ช่าง 1 ทีมรับผิดชอบ
งานเฉพาะส่วน เมื่อทำงานเฉพาะส่วนที่รับผิดชอบเสร็จ จะมีช่างชุดใหม่มาทำงานหมุนเวียนต่อทันที ที่สำคัญช่าง
จะมีความชำนาญเฉพาะด้านสูง :ผนึกเป็นพันธมิตรเจรจาราคาตรง

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาวะการ
ขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง จะทำให้รูปแบบและเงื่อนไขจ้างเปลี่ยนไป เป็นลักษณะจ้างตรงกับบริษัทผู้รับเหมา
การเป็นพันธมิตรระยะยาว ส่วนรูปแบบประมูลงานคงไม่มีแล้ว เรียกว่าเป็นยุคทองของผู้รับเหมา

"วิกฤติแรงงานเป็นปัญหาระดับชาติ เพราะกระทบทุกเซกเตอร์ การเปิดให้ผู้รับเหมา เข้ามาประมูลงาน
แข่งขันคงไม่มีแล้ว แต่จะเห็นการเป็นพันธมิตรระยะยาวมากกว่า เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ" นางเกษรา กล่าว

เช่นเดียวกับ ค่ายเอสซี แอสเสทฯ  ใช้จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมา เปลี่ยนจากประมูลแข่งขันมาเป็น
เจรจาราคาตรง และตกลงล่วงหน้า 6-8 เดือน ใช้วิธีประมาณราคาอ้างอิงแนวโน้มเงินเฟ้อ และเผื่อความเสี่ยงราคา
วัสดุ

ขณะที่ ค่าย แอล.พี.เอ็น. ปีนี้มีแผนสร้างคอนโดฯ 6-7 โครงการ ประมาณ 1.5 หมื่นยูนิต นอกจากการขยาย
ผู้รับเหมาหลักอีก 1 ทีม และเพิ่มแรงงานอีก 1,000 คน ยังเพิ่มเงื่อนไขจูงใจผู้รับเหมา คือ ถ้าทำงานเสร็จเร็ว
สามารถเบิกเงินงวดได้ทุก 7-14 วัน ถ้าสร้างเสร็จเร็วก่อนกำหนดและงานเรียบร้อยจะมีการเพิ่มโบนัสพิเศษอีก
ต่างหาก

ส่วนกลุ่มเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ พบว่า กลยุทธ์สำคัญในปีนี้ ก็คือเตรียมจ้างแรงงานก่อสร้างตรงเป็น
พนักงานประจำประมาณ 200-300 คน เพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนเป็นช่วงๆ เนื่องจากผู้รับเหมาที่ว่าจ้าง
อาจจะหันไปรับงานนอกโครงการก็มี
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ วันที่: 04/02/2013

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

ปอกเปลือก ปี 56 “บ้านต้นทุนใหม่”




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ย่างเข้าสู่ปี 2556 (ปีงูเล็ก) "ต้นทุน" ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ตัวแปรมี 2 เรื่องหลัก คือ
               1) ต้นทุนค่าก่อสร้าง ประกอบด้วย ค่าแรง-ค่าบริหารจัดการ และราคาวัสดุที่ปรับสูงขึ้น
               2) ต้นทุนที่ดิน โดยเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างที่ปรับขึ้นรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาราคาบ้าน-คอนโดมิเนียมปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% บวกลบ แล้วแต่ความสามารถควบคุมต้นทุนของผู้ประกอบการจากการสำรวจความคิดเห็นจาก 3 นายกสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และนายกสมาคมอาคารชุดไทย พบว่าโครงการที่อยู่อาศัย ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดฯ วิเคราะห์ว่าราคาอยู่ในช่วงขาขึ้นทุกตัว

++ทาวน์เฮาส์พุ่ง 1.3-1.5 ล้าน
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สำหรับตลาดทาวน์เฮาส์แนวโน้มมี 3 ปัจจัย ที่มีผลต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการใน ปี 2556 คือ
1) ราคาที่ดินที่ปรับขึ้นตามการประกาศใช้ราคาประเมินใหม่ของกรมธนารักษ์เมื่อกลางปี 2555
2) ต้นทุนค่าก่อสร้าง ค่าถมดิน ค่าสาธารณูปโภคในโครงการปรับตัวสูงขึ้น
3) ค่าจ้างผู้รับเหมาที่ปรับสูงขึ้นเนื่องจากแรงงานก่อสร้างขาดแคลน จะทำให้ทาวน์เฮาส์มีราคาขายสูงขึ้น

เปรียบเทียบปี 2555 ในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอกและปริมณฑล อาทิ ตั้งแต่รังสิต คลอง 2 เป็นต้นไป คลองหลวง บางบัวทอง สมุทรสาคร ฯลฯ ยังพอพัฒนาทาวน์เฮาส์ ที่มีราคาขายเริ่มต้น 1 ล้านบาท บวกลบได้ โดยจะได้พื้นที่ใช้สอยประมาณ 80-100 ตารางเมตร บนที่ดิน 16-18 ตารางวา
ขณะที่แนวโน้มราคาทาวน์เฮาส์ในทำเลเดิมที่เปิดตัวใหม่ในปี 2556 จะต้องเริ่มต้นที่ยูนิตละ 1.3-1.5 ล้านบวกลบ โดยยังคงได้พื้นที่ใช้สอยและที่ดินใกล้เคียงของเดิม เนื่องจากการพัฒนาทาวน์เฮาส์ 2 ห้องนอน สามารถพัฒนาพื้นที่ใช้สอยได้เล็กที่สุดประมาณ 70 ตารางเมตร หรือชั้นละประมาณ 35 ตารางเมตร ส่วนขนาดที่ดินถูกบังคับโดยกฎหมายว่าจะต้องมีที่ดิน เริ่มต้น 16 ตารางวา
"คิดว่าค่อนข้างยาก ถ้าจะพัฒนา ทาวน์เฮาส์โดยใช้วิธีลดขนาดพื้นที่ใช้สอย ปรับสเป็กวัสดุ เพื่อให้ขายราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทเท่าเดิม เพราะต้นทุนค่าก่อสร้างบ้าน 2 ชั้น 70 ตารางเมตร กับ 80 ตารางเมตร ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก" นายอิสระกล่าว

++บ้านเดี่ยวสตาร์ต 3 ล้านอัพ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตลาดบ้านเดี่ยวถือว่ามีต้นทุนพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เปรียบเทียบปี 2555 หากเป็นทำเลจังหวัดปริมณฑล เช่น ปทุมธานี (รังสิต-ลำลูกกา คลอง 7-10) สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี (บางบัวทอง, ไทรน้อย) ฯลฯ ยังพอหาบ้านเดี่ยวราคาต่ำที่สุด ราคาเริ่มต้น ที่ยูนิตละ 2.8-2.9 ล้านบาทได้ โดยจะได้บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 110-120 ตารางเมตร ที่ดินขั้นต่ำตามกฎหมายคือ 50 ตารางวา
แต่สถานการณ์ราคาขายสำหรับปี 2556 จากต้นทุนพัฒนาโครงการที่ปรับขึ้น เชื่อว่า บ้านเดี่ยวจะคงขนาดพื้นที่ใช้สอยและที่ดินเท่าเดิม แต่ต้องปรับฐานราคาเริ่มต้นเป็น 3-3.1 ล้านบาท เนื่องจากการพัฒนาโครงการมีต้นทุนเพิ่มขึ้น อาทิ ราคาวัสดุ ค่าแรง ต้องถมดินสูงขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องป้องกันน้ำท่วม ฯลฯ
ดังนั้น หากผู้ประกอบการไม่ต้องการปรับราคาขาย ก็จะต้องปรับมาพัฒนาบ้านแฝด หรือทาวน์เฮาส์ขายในราคาถูกลงแทน หรือต้องขยับทำเลออกไปไกลขึ้น หรือเข้าซอยไปลึกกว่าเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการด้วย

++คอนโดฯต่ำล้าน กทม.จ่อสูญพันธุ์
ขณะที่นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ในเซ็กเตอร์ ตลาดคอนโดมิเนียม ต้นทุนการพัฒนาโครงการในปี 2556 จะถูกกดดันจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ
1) การขาดแคลนผู้รับเหมา ก่อสร้างอาคารทำให้ค่าจ้างก่อสร้างปรับสูงขึ้นผิดปกติ และ
2) ร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ทั้งนี้ ประเด็นผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้เดือนพฤษภาคม 2556 มีแนวคิดให้ที่อยู่อาศัย
กระจายตัวออกสู่ รอบนอก ทำให้การพัฒนาคอนโดฯถูกจำกัดขนาดพื้นที่โดย FAR (Floor Area Ratio) หรืออัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อขนาดที่ดิน และขนาดความกว้างของถนนที่มีผลต่อขนาดพื้นที่อาคารที่จะก่อสร้างได้
                    ในแง่ทำเล นายธำรงค์กล่าวว่า เทียบปี 2555 ในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล ยังพอมีบริษัทเปิดตัวห้องชุดแบบสตูดิโอ-1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 21-28 ตารางเมตร ราคาต่ำสุดที่ยูนิตละ 8-9 แสนบาท เช่น ทำเลบางแคช่วงวงแหวนกาญจนาภิเษก บางกะปิ ลาดพร้าว 101 คลองหลวง ลำลูกกาคลอง 2 ฯลฯ
             ขณะที่ปี 2556 หากเป็นทำเลในกรุงเทพฯ เช่น บางแคช่วงวงแหวนกาญจนาภิเษก ลาดพร้าว 101 บางนา-ตราด กม.5-6 เป็นต้น ราคาเริ่มต้นน่าจะต้องขยับขึ้น เป็น 1 ล้านบาท ยกเว้นเป็นทำเลปริมณฑล เช่น สมุทรปราการ ฯลฯ ที่ผังเมืองรวม ยังไม่ได้นำเรื่อง FAR มาบังคับใช้ ก็อาจจะยังพอทำคอนโดฯ พื้นที่ใช้สอย 22-28 ตารางเมตร ขายในราคาเริ่มต้น 8-9 แสนบาทได้

++แลนด์ชี้ต้นทุนขยับขึ้น 7-8%

สุดท้าย นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการคำนวณต้นทุนพัฒนาโครงการในปี 2556 พบว่าต้นทุนมีแนวโน้มจะปรับขึ้นจากเดิม 7-8% มาจากราคาที่ดินและค่าก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ใน ทางกลับกันคงจะทยอยปรับขึ้นราคาบ้าน ได้ประมาณ 5% บวกลบ ส่วนที่เหลือ ผู้ประกอบการคงต้องแบกรับภาระบางส่วนไว้เอง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักนอกจากต้นทุนปรับขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องของแรงงานก่อสร้างที่ประสบปัญหาขาดแคลน คาดว่าจะเห็ผู้ประกอบการในตลาดหลายรายหันมาใช้ระบบก่อสร้างแบบหล่อชิ้นส่วนสำเร็จรูปจาก โรงงานมาติดตั้ง (พรีแฟบ) กันมากขึ้น เพื่อลดการใช้แรงงาน และก่อสร้างบ้านได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดต้นทุนก่อสร้างบ้านได้อีกแนวทางหนึ่ง

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
วันที่: 03/01/2013